OrientDB คืออะไร ?
- ฐานข้อมูลแบบ NOSQL ที่วางวิสัยทัศน์เรื่อง Hybrid มาตั้งแต่ปี 2009
ก่อนที่ Gartner จะออกบทวิเคราะห์ - รองรับรูปแบบของ NOSQL ทั้ง4 ประเภท
- การผสมระหว่าง Relational และ NoSql จึงง่ายต่อการทำความเข้าใจสำหรับผู้ที่เคยใช้ Relational Database
- ใช้ภาษา SQL ในการบริหารจัดการข้อมูล ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่หมด
- Opensource apache 2.0 ฉะนั้นฟรีแน่นอน
มาดูปัญหาของ Relational Database และ Nosql
ปัญหาของ Relational DB
- เมื่อข้อมูลใหญ่ขึ้นจะมาปรับเปลี่ยนโครงสร้างทีหลังทำได้ยาก เช่น เพิ่มคอลัมน์ เปลี่ยนแปลง
ชนิดข้อมูลของคอลัมน์เดิม ฐานข้อมูลต้องทำการแสกนทั้งตาราง การขยายระบบให้ทำงาน
หลายๆเครื่อง ส่วนใหญ่ต้องปรับสร้างให้เท่ากันใหม่ตั้งแต่แรก - การ Join ข้อมูลข้ามตารางมากๆ กับข้อมูลมหาศาลมีผลต่อความเร็วในการประมวลผล
- การขยายระบบมีขั้นตอนยุ่งยาก
ปัญหาของ NoSQL
- การเก็บข้อมูลที่ซ้ำซ้อน
- ทำงานฟังก์ชั่นการ Join Aggregate Function ที่ต้องการผลลัพธ์จากข้อมูลปริมาณมากได้ไม่ดี
เท่า Relational DB - ไม่มีมาตรฐานกลาง ต้องเรียนรู้ใหม่ทุกตัวที่ใช้งาน
และทำไมต้อง OrientDB
- เป็น NoSQL รองรับฟังก์ชั่น Join และ Aggregation ได้ดี
- รองรับภาษา SQL ทำให้คนที่มีพื้นฐาน SQL ลดเวลาในการเรียนรู้
- เป็น Restful Api ได้ในตัวเอง
- เป็น Memory DB ได้ ไม่ต้องเรียนรู้ตัวอื่นเพิ่ม
- รองรับการเก็บข้อมูลแบบ Regular Expression สำหรับสร้าง Format
พิเศษ - มีฟังก์ชั่นบางอย่างที่หลายๆฐานข้อมูลไม่มีและทำได้ดี เช่น Median
- ลดการเก็บข้อมูลที่ซับซ้อน
- รันได้บนทุกระบบปฏิบัติการที่ Java รองรับ
- มี Driver สำหรับทุกๆภาษายอดนิยม
- ขยายระบบได้ไม่ยุ่งยาก
- Opensource apache 2.0 ฟรีทุกกรณี
ติดตั้ง OrientDB
- ติดตั้ง JDK JDK Download
- Download OrientDB Download แยกไฟล์
- สร้างตัวแปร ORIENTDB_HOME ใน Environment variable และก็ชี้มาที่ Path เก็บ OrientDB ของเครื่องเรา
หรือ ผ่าน Command Line โดย
Mac / Linux export ORIENTDB_HOME=$orientdb_directory Windows set ORIENTDB_HOME=$orientdb_directory
รัน OrientDB
เปิด Terminal
- เข้าไปที่ Directory ที่เก็บ Folder OrientDB ไว้
- เข้าไปที่ xxx/orientdb-1/bin
- เปิด server.sh ไฟล์
- เปิด Browser พิมพ์ http://localhost:2480/
เท่านี้ก็สามารถเรียกใช้งาน OrientDB ได้แล้ว